สหพันธ์การขนส่งทางบกฯ หอบหลักฐานแฉส่วยสติ๊กเกอร์ส่งวิโรจน์ ส่งถึงมือจเรตำรวจแห่งชาติ

Last updated: 15 มิ.ย. 2566  |  243 จำนวนผู้เข้าชม  | 

สหพันธ์การขนส่งทางบกฯ หอบหลักฐานแฉส่วยสติ๊กเกอร์ส่งวิโรจน์ ส่งถึงมือจเรตำรวจแห่งชาติ

          1 มิ.ย. 66  สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย นำโดย คุณอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์ฯ และ 10 สมาคมขนส่งฯ ทั่วประเทศ ยื่นหนังสือและหารือประเด็นส่วยสติ๊กเกอร์ ให้กับ คุณ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร และ สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล 

           อภิชาติ ไพรรุ่งเรือง กล่าวว่า ปัญหาส่วยมีมานานและความรุนแรงของปัญหาได้เพิ่มมากขึ้น ในอดีตใช้วิธีให้ตำรวจรับเงินริมถนน ต่อมาเมื่อมีสื่อนำเสนอข่าววิธีนี้จึงหมดไป เปลี่ยนวิธีเป็นแผ่นสติกเกอร์เพื่อแสดงสัญลักษณ์ของแต่ละองค์กร เป็นการเคลียร์ทางในการทำผิดกฎหมาย ที่ผ่านมาสหพันธ์ฯ ได้ร้องเรียนหลายช่องทาง ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.), รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไปจนถึงตำรวจทางหลวง แต่ต้องเจอปัญหา โดยเฉพาะการถูกข่มขู่

        “ปัจจุบันมีแผ่นสติกเกอร์ถึง 40-50 ป้าย รถบรรทุกทั้งหมดที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกมี 1.5 ล้านคัน ส่วนรถบรรทุกที่เป็นส่วนหนึ่งในสหพันธ์ฯ มีกว่า 4 แสนคัน เราได้ตกลงร่วมกันว่าจะปฏิบัติตามกฎหมาย พยายามชักจูงผู้ประกอบการรายอื่นให้เข้ามาร่วม แต่ที่ผ่านมาไม่สามารถสู้กับการกดดันจากฝั่งรัฐได้ มักมีเจ้าหน้าที่ระดับล่างขอให้ไปเคลียร์กับ ‘เจ้านาย’ ของเขา” อภิชาติกล่าว

 
        อภิชาติกล่าวต่อไปว่า การขนส่งถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ ถ้าไม่ราบรื่น สินค้าอุปโภคบริโภคที่ต้องขนถ่ายไปตามภูมิภาคต่างๆ จะติดขัด ดังนั้นถ้ายังมีระบบส่วยจะทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น กระทบประชาชน ถนนหนทางที่ก่อสร้างจากเงินหลายแสนล้านถูกทำลาย ข้าราชการที่รับอามิสสินจ้างควรรู้ตัวว่าสิ่งที่ทำมาต้องหยุดได้แล้ว


        “ผมไม่เคยติดต่อวิโรจน์ แต่ตรงกันข้าม วิโรจน์หยิบปัญหานี้มาพูดในสังคม แม้ขณะนี้พรรคก้าวไกลจะอยู่ระหว่างจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็สามารถนำปัญหาของประชาชนมาสู่การตรวจสอบได้ ที่ผ่านมาเราพยายามร้องเรียนทุกกรมกอง แต่ไม่ได้รับการแก้ไข แต่วันนี้พิสูจน์แล้วว่า ใช้เวลาเพียง 3-4 วันสามารถย้ายผู้การทางหลวงได้ การแก้ไขปัญหาทั้งระบบต้องใช้เวลา วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นแล้ว” อภิชาติกล่าว

         ด้านวิโรจน์กล่าวว่า ถือเป็นเกียรติที่จะได้ทำงานร่วมกับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เพื่อขจัดปัญหาคอร์รัปชันให้หมดไปจากแวดวงธุรกิจขนส่ง ซึ่งเป็นปัญหาที่รุนแรงและกระทบกับประชาชนทุกคน ทั้งด้านราคาสินค้าและความปลอดภัยทางถนน วันนี้สังคมอาจพุ่งเป้าไปที่ตำรวจทางหลวง แต่ความจริงแล้วเกี่ยวข้องกับตำรวจภูธร โดยเฉพาะที่ดูแลจราจร ซึ่งต้องย้ำว่าเป็นเพียงตำรวจบางคนเท่านั้น ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องขออย่าหมดกำลังใจ
 

         “วันนี้การหารือกับสมาพันธ์การขนส่งทางบกฯ วาระสำคัญคือ จะมาสืบสาวราวเรื่องกันว่าเกี่ยวพันกับข้าราชการคนไหน และกำหนดท่าทีที่จะให้ข้อมูลกับจเรตำรวจแห่งชาติและ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับบัญชาการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง โดยหลังจากนี้จะมีการซักซ้อมท่าทีและรวบรวมหลักฐาน หวังว่าจะเข้ามาปราบปรามเรื่องนี้ให้สิ้นซาก” วิโรจน์กล่าว


 
         วิโรจน์กล่าวต่อไปว่า ขอย้ำว่าการแก้ไขเรื่องนี้ การปราบปรามวงจรการส่งส่วยอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องทบทวนกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่ไม่สอดคล้องในการปฏิบัติงานจริง เปิดช่องว่างให้ข้าราชการบางคนใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้ง รังควาน รีดไถ หรือเรียกรับผลประโยชน์จากประชาชน รวมถึงต้องนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างจริงจัง เช่น Weight in Motion หรือการชั่งน้ำหนักขณะรถวิ่ง 


         เชื่อว่าถ้าเราตัดตัวกลาง ตัดดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ การคอร์รัปชันจะลดลงและหมดไป และสำหรับตำรวจ ต้องยกเลิกการซื้อ-ขายตำแหน่ง ยกระเลิกระบบตั๋ว ถ้าทำทั้งหมดนี้ ปัญหาคอร์รัปชันจะหมดไปอย่างยั่งยืน


       ด้านอภิชาติกล่าวทิ้งท้ายว่า ขอขอบคุณพรรคก้าวไกลที่นำปัญหานี้มาแก้ไข อยากให้การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จโดยเร็ว จากใจประชาชน ขอฝากถึง ส.ว. ขอให้ช่วยสนับสนุนการตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เพื่อให้เศรษฐกิจได้เดินหน้าต่อเสียที พร้อมกับแสดงเอกสาร และกล่าวว่า “นี่คือรายละเอียดเชิงลึกที่จะมอบให้พรรคก้าวไกล มีรายชื่อตัวบุคคล ยศ ตำแหน่ง และข้อมูลสติกเกอร์ทั่วประเทศ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถึงมือจเรตำรวจแห่งชาติและรักษาการผู้การทางหลวง”
 
ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ทาง คนรักสิบล้อ (KhonRakSipLo)
 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้